วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ขายดีจนเจ๊ง ยิ่งขายยิ่งจน เพราะไม่รู้สิ่งนี้ (คนขายของออนไลน์ ต้องรู้)


คนขายของออนไลน์ ที่ขายดี หรือ กำลังจะขายดี อยากให้ตั้งใจฟังคลิปนี้ให้ดีนะครับ เพราะนี่คือสิ่งที่คนขายดีนั้นจะต้องเจอ เคยได้ยินคำว่าขายดีจนเจ๊ง ยิ่งขายยิ่งจนมั๊ยครับ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เดี๋ยววันนี้ผมจะมาแชร์ให้ฟังนะครับ


ปัญหาที่มักพบสำหรับคนขายของออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้นเลย ตอนขายไม่ดีก็ยังพอมีเวลามานั่งจดรายละเอียด โน่นนี่นั่น แต่พอจับสินค้าตัวทำเงินได้ ทีนี้เวลากินข้าวยังแทบไม่มี ต้องคอยตอบแชท ไหนจะเเพ็คของ ส่งของอีก ลืมเรื่องการทำบัญชี จัดการสต้อค และวางแผนเรื่อง กำไร-ขาดทุน รู้ตัวอีกที ขายดีจนเจ๊งกันมาเยอะละครับ สาเหตุก็เพราะว่า

1. ไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริง
คนที่เริ่มขายของออนไลน์ใหม่ จะคิดแต่ต้นทุนสินค้า กับค่าส่ง และกำไร หรือ ค่าแอด แต่ๆๆๆ ลืมต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการ เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าทางด่วน ค่าแรงตัวเอง ค่าเสียเวลา เงินเล็กๆน้อยๆพวกนี้ รวมๆกันก็หลายตังค์เลยทีเดียวนะครับ

2. หมุนเงินไม่ทัน
ส่งวันละเป็นร้อยกล่อง แต่เงินในกระเป๋าหายไปไหน ใครขายของแบบ COD จะรู้ว่าเงินหายไปไหน เพราะเป็นขายแบบเก็บปลายทาง ซึ่งก็ต้องรอขนส่งโอนเงินมาให้

ยิ่งขายดีก็ยิ่งต้องสต้อคของเพิ่ม ไหนจะที่เก็บของอีกละ ก็ต้องขยาย บางคนที่นอนแทบไม่มี ตอบแชทไม่ทันต้องจ้างแอดมิน แพ็คของไม่ทัน จ้างคนมาแพ็คอีก อุปกรณ์การแพ็คซื้อน้อยๆก็ไม่คุ้มอีก ก็ต้องซื้อเยอะๆ ถ้าได้เครดิตนานๆก็โอเคหน่อย ถ้าเราหมุนเงินไม่ทัน จากขายดีๆ ก็อาจจะเจ๊งได้

3. ไม่ทำบัญชี
ตอนออเดอร์น้อยก็ยังพอทำ Excel sheet ดูได้ แต่พอ ออเดอร์เริ่มเยอะ ชักมั่ว ไหนจะของตีคืน ไหนจะของชำรุด ลูกค้าขอเปลี่ยน ถ้าไม่ทำบัญชีจบเลย เพราะตอนแรกที่ส่งไป ตีเป็นกำไร ตอนตีคืน ก็ขาดทุนทันที เพราะเราเสียค่าส่ง ค่ากล่อง เสียเวลา อีรุงตุงนังไปหมด

สาหัสกว่าคือ รายได้เกิน 1.8 ล้าน ต้องจด Vat ทำภาษีทุกเดือนอีก ไม่ทำบัญชี สรรพากรขอดู ที่มาที่ไป ไม่มีให้ หายนะ เลยทีเดียว กำไรที่สั่งสมมา หายแว้บ!

4. ไม่แยกเงินทำธุรกิจ กับ ใช้ส่วนตัวออกจากกัน

ทำงานเหนื่อยได้เงินมาเยอะก็ต้องจัดสักหน่อย คนไม่เคยรวย ซื้ออะไรก่อนดี ขอ Benz สักคันก่อนละกัน เมียอยากได้ Channel ลูกอยากไปเที่ยวต่างประเทศ อะไรไม่เคยมี ต้องมี หันมาดูเงินในบัญชี เอ๊ะมันหายไปไหน เพราะใช้เงินที่เป็นต้นทุน และ กำไร มั่วซั่วไปหมด เลยไม่รู้ว่าที่เราขายๆไป เงินมันไปอยู่ไหน คิดว่าเดี๋ยวก็หาได้ใหม่

5. โดนโกง ไม่รอบคอบ
พอทีมงานเริ่มเยอะ สิ่งที่ตามมาคือ การโกง นิดหน่อยๆ รวมๆกันก็เยอะอยู่ทีเดียว
หนักกว่านั้นคือ แพ็คซ้ำ, หรือ แพ็คสลับ, ใส่ราคา COD ผิด, คนซื้อ COD แต่ดันไม่แปะใบให้เก็บปลายทาง

อันนี้วิกฤติสุดๆ เพราะเราต้องเสียเวลา เสียค่าขนส่ง เละเทะไปเลย
ถ้าใครกำลังอยู่ในอาการนี้ หรือ กำลังเริ่มจะขายดี จะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดเลย ว่ามันวุนวายขนาดไหน เราไม่ได้ขายของก๊อกแก๊กๆแล้ว แต่เรากำลังทำธุรกิจ ต้องมีระบบเข้ามาช่วย!

สิ่งที่จะแนะนำคือ อยากให้เตรียมระบบหลังบ้านรอไว้เลย เพราะถ้าตัดสินใจขายของออนไลน์แล้ว มันต้องมีวันที่เป็นของเรา ถ้าวันนั้นมาถึงเราเตรียมพร้อมไว้แล้ว ทีนี้เราก็จะกลายเป็นเสือติดปีก ไม่มีใครมาฉุดเราได้อีกแล้ว

ผมขอแนะนำ ระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ชื่อว่า Fillgoods

ซึ่งเป็น Software ที่จะมาช่วยเราบริหารจัดการร้าน และอุดรอยรั่วที่จะทำให้เราเจ๊ง สิ่งที่ผมกำลังจะบอกต่อไปนี้ ทั้งหมดฟรีครับ ของฟรีแล้วมันจะดีเหรอ หลายคนเริ่มสงสัย ลองฟังผมดูก่อนนะครับ

1. จัดการคลังสินค้า
เราจะรู้เลยว่า สินค้าเราใกล้หมดหรือยัง เพราะบางทีขายดีจนลืมสั่งของใหม่ ของหมด พอจะสั่งของมาล๊อตใหม่ปรากฎว่าหมดเทรนด์แล้ว ที่แย่กว่านั้นคือ ของที่เหลือบานอยู่ในสต้อค ดันไปสั่งเพิ่ม ทีนี้งานเข้าเลย Dead stock นั่นเอง

2. Facebook Live
คนที่ Live ใน Facebook ห้ามพลาดเลยนะครับ
2.1 Live ทีเดียวได้หลายๆเพจ
2.2 สร้างรหัสจองสินค้าได้ ปกติจะจองสินค้าต้องพิมพ์ชื่อสินค้ายาวๆ ใช่มั๊ยครับ ตอนนี้ไม่ต้องละครับ สร้างรหัสขึ้นมา เช่น CF1, CF2, CF3 ลูกค้าก็จะสั่งได้สะดวกมากขึ้น
2.3 เมื่อลูกค้าพิมพ์จองรหัสสินค้ามาปุ๊ป ระบบมันจะเด้งสรุปยอด Inbox ไปหาลูกค้าเลย (เลิกแคปหน้าจอไปได้เลย)
2.4 พอลูกค้าได้รับยอดใน Inbox ระบบจะมีให้กรอกข้อมูล พร้อมแนบสลิป เราก็แค่ให้แอดมินตรวจอีกรอบ จะได้แพ็คและส่ง คือ โคตรลดขั้นตอน และความมั่วไปได้เลยทันทีนะครับ

3. รับออเดอร์ของลูกค้าได้ในทุกช่องทาง เช่น Facebook, Instagram, Line ยิ่งขายหลายช่องทาง ความมั่วเกิดขึ้นแน่นอน Fillgoods ช่วย สร้างออเดอร์ จดจำรายชื่อลูกค้า ไม่ต้องพิมพ์ชื่อ-ที่อยู่ซ้ำเมื่อต้องสร้างออเดอร์ให้ลูกค้าคนเดิม ระบบย้ายสถานะออเดอร์ แยกออเดอร์ที่พร้อมส่งและออเดอร์รอชำระออกจากกัน

4. Payment — COD เก็บเงินปลายทาง โอนเงินค่า (COD) คืนร้านค้าภายใน 1 วันทำการ (ตรงนี้นับจากวันที่ลูกค้าได้รับของ) ตรงนี้ก็จะช่วยให้เราหมุนเงินได้เร็วขึ้น

5. Report & Analytic — รายงานภาพรวมการขาย คนที่เริ่มขายใหม่ๆ มักจะมองวันต่อวัน แต่อยากจะแนะนำว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ หรือ ระบบ Facebook ที่แปรปรวน มันก็มีวันที่ขายดีมาก หรือ ขาดทุนบ้างในบางวัน อยากจะให้มองภาพรวมในระยะยาวแล้วยังทำกำไร เราก็จะไม่ต้องไปกังวล ตัว Report จึงสำคัญมาก

6. มีเลข Tracking ส่งให้ลูกค้าได้ทันที สำหรับลูกค้าที่ใจร้อนอยากได้เลข Track เร็ว

7. แพ็ค ส่ง สะดวกกว่าที่คิด ระบบ Fillgoods สามารถปริ้นท์รายละเอียดหน้ากล่องเพื่อเตรียมแพ็คสินค้า ช่วยให้จัดของจากคลังง่ายขึ้น ถูกต้อง แม่นยำ จากนั้นก็ส่งต่อไปยังบริษัทขนส่งสแกนแล้วเตรียมไปถึงมือลูกค้าได้เลย

8. เรียกบริษัทขนส่งมารับของได้ตลอดเวลา เพียงใช้ Fillgoods กดเรียกบริษัทขนส่งหลังการแพ็กสินค้าเสร็จสิ้น เป็นอะไรที่สะดวกสบายมาก ๆ เลย ไม่ต้องเหนื่อยในการขนย้ายแถมไม่ต้องเปลืองน้ำมันขับรถไปส่งที่ขนส่งด้วย SCG Express, Flash Express, Bee Express 1 ชิ้นก็เข้ามารับ ไม่ต้องไปส่งเองให้เสียเวลา และ เสียค่าเดินทางอีกต่อไป

9. Fillgoods มี Customer Support ช่วยตามสินค้า แก้ปัญหาให้เราได้
ระบบนี้เพื่อนๆคิดว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนเท่าไหร่ครับ ลองคิดในใจ ถ้าเป็นผมก็คิดว่าน่าจะสักประมาณ 2–3,000 บาทต่อเดือน แต่ที่ช๊อคมากคือ จริงๆแล้วฟรีครับ!!!

ฟังมาทั้งหมดนี้ อึ้งมั๊ยครับ เพราะ Fillgoods เครื่องมือตัวนี้ตอบโจทย์คนขายของออนไลน์สุดๆเลย
ทีนี้ธุรกิจของเราก็จะโตได้แบบ ก้าวกระโดดเลย เพราะหลังบ้านเราพร้อม จะได้เอาเวลาไปคิดต่อยอดพัฒนาธุรกิจของเรา ยกระดับธุรกิจแบบไม่ต้องควักกระเป๋า กันเลยทีเดียว

ฟรี! ระบบจัดการหลังบ้านสำหรับคนขายของออนไลน์
สมัครและทดลองใช้ คลิก https://bit.ly/3gIXiuJ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น