วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ขายของแพงอย่างไร ให้คนแย่งกันซื้อ



วันนี้ผมมีเทคนิคขายของที่ผมใช้แล้วได้ผลดีมากๆ มันช่วยทำให้ขายของได้ง่ายกว่าเดิมเลย ถ้าเข้าใจตรงนี้ นั่นคือวิธีการทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มจนไม่คิดว่ามันแพง มีวิธีการทำอย่างไรบ้างไปดูกันนะครับ


ก่อนอื่นผมจะมาพูดถึงเรื่อง คุณค่าที่ลูกค้ารับรู้ได้ หรือ ความรู้สึกที่ว่ามันคุ้ม นี่มันคืออะไร ผมจะยกตัวอย่าง เช่น


ถ้าตอนนี้ผมขอเงินจากเพื่อนๆ 100 บาท เพื่อแลกกับของในซองที่เพื่อนๆมองไม่เห็น เราจะรู้สึกว่าแพงหรือถูก 100 บาทอาจไม่มาก แต่เราไม่รู้ว่าของในซองนี้มีมูลค่ากี่บาท เราก็ไม่กล้าที่จะจ่าย


แต่ถ้าผมใส่เงิน 1,000 บาท ไว้ในซองใสๆ แล้วผมบอกว่า ใครสนใจบ้าง แบงค์ 1,000 ในราคา 100 บาท คนกลุ่มหนึ่งอาจสงสัย แต่คนอีกกลุ่มคิดคำนวนยังไงก็คุ้ม


ตรงนี้ผมอุปมา อุปไมย ให้เห็นภาพว่า ถ้าเราสามารถสร้างมูลค่าที่ลูกค้ารับรู้ได้ว่า ด้วยเงินที่เขาจ่ายไป 100 บาท เขาจะได้ของมูลค่า 1,000 บาท โคตรคุ้ม และถ้าบอกว่า จำหน่ายแค่ 5 ชุด ภายใน 5 นาทีนี้เท่านั้น คนยิ่งรีบกระโจนเข้ามาแย่งซื้อเลย


ไฮไลท์เด็ดที่นอกจากจะให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงคุณค่าที่มากกว่าราคาที่เขาต้องจ่ายแล้ว ถ้าเราใส่เรื่องของ ความจำกัด ในเรื่องของเวลา และ จำนวน และเน้นย้ำว่าเขาจะพลาดอะไรไปถ้าไม่ซื้อ ต้องบอกให้ซื้อทันที อย่าให้กลับมาซื้อวันหลัง ถ้าลูกค้าหลุดจากเราไปแล้ว คือ ยากกว่าจะตามกลับมา


สิ่งนี้ฝรั่งเรียกกันว่า The Stack คือเอา Offer ข้อเสนอมาซ้อนกันเพื่อให้ดูมีมูลค่าสูง แล้วหั่นราคาลงมา วิธีการนี้มีมานานมากแล้วในต่างประเทศ ผมก็ไปอ่านเจอมาในหนังสือ ชื่อ Dot com secret ของ Russel Brunson


แต่เพิ่งจะมาเข้าใจตอนได้ไปเรียนคอร์ส One Funnel Challenge เป็นอาจารย์คนไทยมาสอนเรื่องพวกนี้ คืออ่านหนังสือมันก็เข้าใจ แต่ไม่รู้ ไม่เข้าใจแก่นของมัน แต่เรียนกับคนที่ลงมือทำเเล้วมาบอกเล่าประสบกการณ์ เป็นภาษาไทยนี่ดีกว่าเยอะครับ


คอร์สนี้เขาจะช่วยดันให้เราสร้างเงิน 25,000 ให้ได้ภายใน 30 วันโดยจะมีเนื้อหาการตลาด และเครื่องมือให้เราได้ใช้เพื่อให้ทำสำเร็จ มี Facebook group เพื่อปรึกษาและแนะแนวทางการทำธุรกิจ บอกได้คำเดียวว่าโคตรคุ้มเลยนะครับ


ถ้าใครสนใจคอร์ส One Funnel Challenge แล้วอยากเรียน ผมจะใส่ลิ้งไว้ใต้วิดีโอนะครับ กดสมัครเข้าไปเรียนกันได้ สำคัญเลย คือ คอร์สนี้เขาจะเปิดรับคนเป็นรอบๆไปครับ เปิดรับสมัครอาทิตย์กว่าๆ แล้วก็ปิดเลย ถ้าใครสมัครไม่ทัน รอบหน้าค่าคอร์สจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามเนื้อหาที่เพิ่มเข้าไปครับ


ดังนั้น ถ้าไม่อยากซื้อตอนราคามันสูงสุดกู่ไปแล้ว ก็รีบซื้อเลยนะครับ


และผมก็มีสิ่งที่มาทำให้เพื่อนๆรู้สึกคุ้มจนราคาค่าคอร์สเรียนมันไม่แพงเลย ลองมาฟังกันนะครับ ว่าสิ่งที่ผมจะเพิ่มคุณค่าให้ มันดึงดูดใจเพื่อนๆมั๊ย


ถ้าสนใจคอร์สนี้ ผมมีโบนัสคนที่ซื้อผ่านลิ้งผมนะครับ ผมมีของแถมจะให้คือ

📌 VIP Group "ติวฟันแนลแบง" (มูลค่า 30,000 บาท)

📌 คอร์สสอนสร้างรายได้จาก Blog (มูลค่า 15,000 บาท)

📌 คอร์สขาย Shopee แบบอัตโนมัติ (มูลค่า 8,900 บาท)

‼ มูลค่ารวม 53,900 บาท

ถ้าสนใจก็จัดเลยนะครับ ลิ้งอยู่ใต้วิดีโอ


สมัคร http://ofcsix.app.funnelbang.com/

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วิธีทำ Lazada Affiliate

ขายของทุกอย่างใน Lazada ด้วยการทำ Affiliate กับ Ecomobi ซึ่งเป็นคนกลางที่ช่วยให้เรานำสินค้าของคนอื่นไปขายโดยที่เราไม่ต้องสต้อคสินค้า



วิธีทำ Shopee Affiliate

 เพื่อนๆรู้มั๊ยครับว่าเราสามารถขายสินค้าทุกอย่างใน Shopee ได้โดยที่ไม่ต้องสต้อก ไม่ต้องแพ็ค ไม่ต้องส่ง วิธีการนั้นเราเรียกว่า การทำ Affiliate ครับ

Affiliate คือการแนะนำสินค้าของคนอื่น ไปบอกต่อ ถ้ามีคนมาคลิกผ่านลิ้ง Afiliate ของเราแล้วเกิดการซื้อขายเกิดขึ้น เราได้ค่าตอบแทนเป็น คอมมิชชั่นครับ เนื้อหาวันนี้เข้มข้นมากครับ ติดตามให้ถึงตอนจบมีโบนัสพิเศษจะมาบอกนะครับ

Affiliate ที่จะมาแนะนำกันวันนี้คือ การทำ Affiliate Shopee กับ Accesstrade จะคนละอันกับ Social partners นะครับ อันนั้นจะเป็นของ Shopee

ถ้าวันนี้เราซื้อสินค้าจาก Shopee แล้วใช้ดี เราอาจจะโพสท์ หรือ ทำวิดีโอบอกต่อว่าสินค้าตัวนี้มันดีอย่างไร เพียงแค่เราแนบลิ้ง Affiliate แล้วมีคนมาคลิกเข้าไปซื้อ เราก็ได้เงิน แต่ต้องรอ Shopee อนุมัติก่อนนะครับ

ข้อควรระวังคือ Accesstrade เขาเป็นเหมือนคนกลางนะครับ ดังนั้นเนี่ย เจ้าของแคมเปญเขาสามารถยกเลิก และออกจาก Accesstrade เมื่อไหร่ก็ได้ หรือ ถ้าเขามี Budget ในการโปรโมทแล้วงบหมด แคมเปญนั้นก็จะหยุดให้ค่าคอม

ตรงนี้ต้องคอยเช็คอีเมล์กันให้ดีๆนะครับ สำหรับใครที่จ่ายเงินค่าโฆษณา

บอกไว้นิดนึงนะครับ ว่าผมไม่ได้ทำ Affiliate กับ Shopee นะครับ เพราะค่าคอมน้อยเหลือเกิน ผมทำ Aff ที่ได้ค่าคอมหลักพันขึ้นครับ

แต่ Shopee ขั้นตอนทำง่ายครับ เพราะใครๆก็ซื้อของใน Shopee เดี๋ยวไปดูวิธีทำกันครับ

ทั้งหมดนี้ก็คือ การทำ Affiliate Shopee กับ Accesstrade ใครสนใจก็ลองไปสมัครดู

สนใจการทำ Affiliate http://100ksecrets.co/

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Youtuber ไม่กล้า ออกหน้ากล้องทำไง?

ไม่กล้าออกหน้ากล้องทำไง วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ก้าวข้ามความกลัว กันนะครับ ช่วงนี้ผมเจอหลายคนเลยที่มีทักษะที่เจ๋งมากอยู่กับตัว แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมี มันมีค่ามาก ผมยังแอบอิจฉา สิ่งที่ขาดคือ เอาของดีมาให้คนอื่นได้รับรู้ ซึ่งง่ายที่สุดคือ ออกหน้ากล้องมา Live หรือ ทำคลิปลง Youtube แต่ร้อยทั้งร้อยติดอยู่อย่างเดียว ไม่กล้าออกกล้อง วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ก้าวข้าม ความกลัวตรงนี้กันนะครับ



ทำไมออกหน้ากล้องถึงสำคัญ ส่วนตัวเมื่อก่อนอัดหน้าจอสอน กับ เอาหน้าตัวเองออกมา ผลลัพธ์ต่างกันเยอะมาก คนรู้ว่าเรามีตัวตนจริงๆ กล้าเข้ามาคุยด้วย ติดต่อไปเป็นวิทยาการ สปอนเซอร์ 

เพราะการที่เราออกมา Live ออกมาทำวิดีโอ ถ่ายทอดสิ่งที่เราสนใจให้คนอื่นได้รับรู้ มันเป็นการดึงดูดคนที่สนใจในเรื่องเดียวกับเราเข้ามา คนจะรู้สึกสนิทใจ เชื่อใจมากกว่า เราเองก็ได้รับประโยชน์ด้วยการเป็น KOL หรือ Influencer ไปโดยปริยาย ซึ่งเริ่มต้นจากสิ่งที่เรารักก่อน

ย้ำว่าเริ่มต้นจากสิ่งที่เรารัก และ ชอบทำมันจริงๆ และสิ่งนั้นยังให้คุณค่ากับคนอื่นด้วย เมื่อเราเริ่มให้คุณค่ากับคนอื่น คนก็จะติดตามเรา เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เขาไม่มี

อุปสรรคที่ทำให้ไม่กล้าออกกล้อง

1. เพราะคิดว่าคนอื่นเก่งกว่า ดีกว่า

เลิกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นครับ เพราะเปรียบเทียบไป ไม่มีวันจบ คิดแบบนี้ดีกว่า ตัวเราตอนนี้ สามารถไปช่วยเหลือใครได้บ้าง ด้วยทักษะของเราตอนนี้ เหมาะกับคนกลุ่มไหน

การออกมาหน้ากล้อง ไม่ใช่แค่ออกมาพูดเรื่องตัวเอง แต่เป็นการมาแชร์ประสบการณ์จากสิ่งที่เราทำอยู่ และประสบการณ์นี้สามารถ ช่วยเหลือ หรือ เปลี่ยนชีวิตคนอื่นได้

ต้องเข้าใจก่อนว่า เราทุกคน สนใจแต่เรื่องของตัวเอง การที่เขาเสียเวลามาฟังเรา คุณค่าสิ่งใดที่เขาจะได้รับกลับไปประยุกต์ใช้ แล้วทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ถ้าเราทำได้ เขาก็จะติดหนึบ ไม่ว่าเราจะพูดอะไร จะขายอะไร เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน

2. มองคนที่เก่งกว่า เป็นไอดอล และเป็นพันธมิตร

มองคนที่เก่งและมีคุณธรรมสูงกว่าด้วยความชื่นชม ไม่ใช่ศัตรู ชื่นชมและยินดี กับความสำเร็จของคนอื่น ถ้าเรามองเขาเป็นศัตรู เราก็จะกลัวเขาเข้ามาตำหนิ ง่ายๆก็เข้าไปรู้จัก เป็นพันธมิตรกันจะดีกว่า เพราะในอนาคต โอกาสก็อาจจะมาจากคนกลุ่มนี้นี่เอง

3. กลัวคนอื่นมาเหยียดหยาม

อย่าให้ค่ากับคนไม่มีราคา อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา เป็นเรื่องปกติครับ มีคนชอบ ก็ต้องมีคนชัง วิธีแก้ไขคือ วางเฉยครับ มันเป็นเรื่องปกติ คนที่ติด้วยเหตุผล เพื่อให้เราไปปรับปรุงแบบนี้ควรรับฟัง แต่คนที่ติ ตัดสินเราแบบร้ายๆ ผมก็เข้าไปดูโปรไฟล์คนพวกนี้บ่อยๆ ชีวิตเขาเลวร้ายครับ สภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ สังคมที่เขาอยู่ มันหล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนั้นครับ เราควรจะสงสารเขามากกว่าที่จะไปโกรธ ไม่ควรจะไปพยายามแก้ไขสันดานเขาด้วยครับ มันแก้ไม่ได้ เขาต้องรู้ด้วยตัวเอง

4. เห็นคุณค่าในตัวเอง

เราต้องเมตตาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก อย่าคิดถึงตัวเองในแง่ลบ อย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ บอกตัวเองเสมอๆว่าเราทำได้ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ เป้าหมายเราชัด เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน เราพัฒนาตัวเองทุกวัน สักวันเราต้องสำเร็จ ปลุกปลอบกำลังใจตัวเองแบบนี้ครับ

5. เปลี่ยนสภาพแวดล้อม

คนรอบข้างบางทีก็เป็นเจ้ากรรมนายเวร จะทำอะไรก็จะโดนบอกว่า แกทำไม่ได้ เพื่อนฝูงกระแนะกระแหน เวลาเห็นใครที่ทำอะไร ต่างไปจากที่เขาเคยชิน เหมือนที่เขาบอก อย่าคุยเรื่องบินสูงในฝูงไก่

 แต่เราก็ไปโทษเขาไม่ได้หรอกครับ เราไปดึงดูดเขาเข้ามาเอง ทางแก้ไขคือ เราปรับภพภูมิของตัวเองให้สูงขึ้น พอหมดกรรมก็ต่างคนต่างไปครับ พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ที่ดีๆครับ ที่ๆทุกคนคอยสนับสนุนเกื้อกูลกัน มันมีครับ บางคนบอกโลกมันโหดร้าย เคยชินกับการไปที่อโคจร จะให้ไปเข้าวัดฟังธรรม มันไม่ใช่ อันนี้ก็ใช้กรรมไปครับ จนกว่าจะเริ่มรู้สึกว่าที่ๆเราอยู่ มันไม่เกื้อหนุนให้ชีวิตเราดีขึ้น

เริ่มต้นทำอย่างไรดี

1. เลือกเฉพาะเจาะจงไปเลยว่าจะโฟกัสไปที่เรื่องไหน ไม่สะเปะสะปะ คนจะจดจำเราได้ ว่าเราโดดเด่นในเรื่องนั้นๆ เจ้าของสินค้าจะตัดสินใจได้ง่ายว่าจะจ้างเรามั๊ย

2. ช่วยเหลือตอบคำถามในกลุ่ม Facebook group คนจะเริ่มเข้ามาติดตามเรา เพราะเราให้คุณค่ากับเขาเหล่านั้น

3. เมื่อมีคนมาติดตามเป็นเพื่อนเราใน Facebook ส่วนตัวและ เราก็ทำกลุ่มเตรียมเอาไว้ด้วย ก็เริ่ม Live ให้ความรู้ได้เลย

4. แรกๆทุกคนก็พูดไม่เก่ง จึงต้องเตรียมสคริปส์ พอชำนาญที่นี้ก็พูดน้ำไหลไฟดับ

5. เมื่อเราให้คุณค่าไป คนรับรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เราให้เขาเอาไปเปลี่ยนชีวิตได้ คนเขาก็จะมาขอเราเองว่ามีสินค้าอะไรขายไหม


วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563

4 ทางรอดคนยิงแอดใน Facebook

ในยุคที่ค่าโฆษณามีแต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆ การที่จะหาลูกค้ามาได้แต่ละคนต้นทุนก็จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราจะปรับตัวกันอย่างไรดี



1. Up Sell
ต้นทุนต่อการที่ได้ลูกค้ามา 1 คน ตอนนี้จ่ายค่ายิงแอดไปกันกี่บาทครับ เมื่อก่อนจ่ายหลักร้อย ขายได้หลักหมื่น หลักแสน มาตอนนี้ ราคานี้ไม่ค่อยมีให้เห็นอีกแล้ว แนวโน้มยิ่งจะแพงขึ้น แพงขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้าเราขายของกำไรน้อยค่าแอดจะกินเข้าไปเรื่อยๆ บางทีก็ขาดทุน วิธีแก้ไขคือ Up Sell ให้เราหาของมาขายเพิ่ม ถ้าเราได้ลูกค้ามา 1 คนแล้ว เราต้องรีดเงินจากเขาออกมาให้ได้มากที่สุด โดยที่เขาเต็มใจ

คนเราจะเต็มใจจ่ายเพราะว่าสิ่งนั้นมันมาช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้

ยกตัวอย่างเช่น ผมจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ในอิเกีย เพราะราคามันถูกดีไม่แพง แต่มันต้องมาประกอบเอง เขามีบริการเสริมตรงนี้ให้ เราไม่ได้เอารถมาเอง เขามีบริการส่งให้

เวลาที่คนอยากจะซื้อของ สมองเรามันเหมือนอยู่ในโหมดที่พร้อมควักตังค์จ่ายแล้ว ถ้าลูกค้าซื้อชิ้นแรกแล้ว เราก็เสนอสินค้าตัวที่สอง ที่เรียกว่า Upsell ถ้าเราขายของชิ้นที่ 2 ได้ เราก็ได้กำไรมากขึ้น จากการที่เราได้ลูกค้ามา 1 คน

ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราไปอิเกีย พอเราตัดสินใจซื้อสินค้าสักตัว เราจะเจอว่ามันมีจัดชุด จัดเป็นเซ็ทที่เข้ากัน เราก็พร้อมจะจ่าย และระหว่างทางเนไปคิดเงิน ก็จะเจอของกระจุก กระจิกวางดักเราตามรายทางไปหมด รู้ตัวอีกที ของเต็มตระกร้าเลย

จุดประสงค์คือ เข้ามาแล้ว รีดเงินออกมาให้ได้มากที่สุด โดยที่ลูกค้ายินดีจะจ่าย

2. Offer
ของขายเหมือนกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด แล้วเราจะขายอย่างไรให้ดูแตกต่างจากชาวบ้านเขา นั่นก็คือ เรามีข้อเสนอที่ดีกว่าเขา เช่น
– การันตี รับประกัน
– ของแถม
– คู่มือ
– บริการหลังการขาย Call Center
– ส่งฟรี

หรือ ส่วนเสริมที่มาแก้ปัญหาในใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าของเราได้
เราในฐานะเจ้าของสินค้า เราต้องรู้ให้ได้ว่า ลูกค้ากังวล หรือมีอคติอะไรในใจที่จะซื้อสินค้าเรา หามาให้ได้ แล้วนำมาทำเป็นข้อเสนอ

3. ขายลูกค้าเก่า

การขายลูกค้าเก่า ง่ายกว่าขายลูกค้าใหม่ คือ ถ้าลูกค้าเข้ามาแล้ว เราบริการดี เกินกว่าที่เขาคาดหวัง สิ่งที่ได้คือ เขาจำเราได้ เขาเชื่อเรา เขากลับมารีวิวดี เขาไปแนะนำให้คนอื่นมาซื้อกับเรา ผมเองถ้ามีสินค้าใหม่ๆออกมา ลูกค้าเก่าจะเป็นกลุ่มแรกที่อุดหนุนผมทันที ไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลย

เราต้องเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ด้วย เช่น เก็บอีเมล์ เก็บเบอร์โทร แอดไลน์ อินบ๊อค อย่างเช่นคนทำ Marketplace ก็จะมีการ์ดใส่ไว้ในกล่องให้ลูกค้าแอดไลน์มา

ผมเคยไปฟังเจ้าของร้านในเถาเป่าเขาบอกว่าดูแลลูกค้าเก่าให้เหมือนเราจีบผู้หญิง รู้จักกันไม่ใช่หายหน้าไป 2-3 เดือน มาทักอีกทีเขาก็จำเราไม่ได้แล้ว แต่ถ้าหมั่นสอบถาม สารทุกข์สุกดิบ เขาก็จะจำเราได้

ถ้าลูกค้าน้อยๆก็พอไหว คนไหนลูกค้าเยอะๆก็ใช้ Email autimation, Chatbot เข้ามาช่วยนะครับ

4. Personal Brand
การสร้างจุดเด่นที่ง่ายที่สุดในยุคนี้ คือ การมีตัวตนขึ้นมา ให้คนจดจำเราได้ด้วยการให้คุณค่า บางคนเชื่อ KOL/Influencer มากกว่าดาราอีกนะครับ เราซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้า เจ้าของสินค้า ออกมา Live ออกมาให้ความรู้ ให้คุณค่า กับกลุ่มเป้าหมายของเรา คนก็จะมารู้จักเรา เชื่อเรา และถ้าสิ่งที่เราให้มีคุณค่าสูง เขาก็พร้อมที่จะตอบแทนด้วยการสนับสนุนเรา

4 เทคนิค ทั้งหมดนี้ผมได้เรียนรู้มาจากคอร์ส One Funnel Challenge ครับ เป็นคอร์สที่จะสอนเรื่องการใช้ Funnel เพื่อที่จะมาช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของเพื่อนๆนะครับ จุดสำคัญ คือ การตลาดที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าได้เรียนรู้แล้ว บอกเลยว่าจะเปลี่ยนวิธีคิดในการทำการตลาดออนไลน์ไปโดยสิ้นเชิง เหมือนที่คอร์สนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดของผม ไปเรียบร้อยแล้ว
……………………………………
ถ้าสนใจคอร์สนี้ ผมมีโบนัสคนที่ซื้อผ่านลิ้งผมนะครับ ผมมีของแถมจะให้คือ
📌 VIP Group “ติวฟันแนลแบง” (มูลค่า 30,000 บาท)
📌 คอร์สสอนสร้างรายได้จาก Blog (มูลค่า 15,000 บาท)
📌 คอร์สขาย Shopee แบบอัตโนมัติ (มูลค่า 8,900 บาท)
‼ มูลค่ารวม 53,900 บาท
——————-
สนใจสมัคร คลิก https://ofcsix.app.funnelbang.com/