วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Youtuber ไม่กล้า ออกหน้ากล้องทำไง?

ไม่กล้าออกหน้ากล้องทำไง วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ก้าวข้ามความกลัว กันนะครับ ช่วงนี้ผมเจอหลายคนเลยที่มีทักษะที่เจ๋งมากอยู่กับตัว แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมี มันมีค่ามาก ผมยังแอบอิจฉา สิ่งที่ขาดคือ เอาของดีมาให้คนอื่นได้รับรู้ ซึ่งง่ายที่สุดคือ ออกหน้ากล้องมา Live หรือ ทำคลิปลง Youtube แต่ร้อยทั้งร้อยติดอยู่อย่างเดียว ไม่กล้าออกกล้อง วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ก้าวข้าม ความกลัวตรงนี้กันนะครับ



ทำไมออกหน้ากล้องถึงสำคัญ ส่วนตัวเมื่อก่อนอัดหน้าจอสอน กับ เอาหน้าตัวเองออกมา ผลลัพธ์ต่างกันเยอะมาก คนรู้ว่าเรามีตัวตนจริงๆ กล้าเข้ามาคุยด้วย ติดต่อไปเป็นวิทยาการ สปอนเซอร์ 

เพราะการที่เราออกมา Live ออกมาทำวิดีโอ ถ่ายทอดสิ่งที่เราสนใจให้คนอื่นได้รับรู้ มันเป็นการดึงดูดคนที่สนใจในเรื่องเดียวกับเราเข้ามา คนจะรู้สึกสนิทใจ เชื่อใจมากกว่า เราเองก็ได้รับประโยชน์ด้วยการเป็น KOL หรือ Influencer ไปโดยปริยาย ซึ่งเริ่มต้นจากสิ่งที่เรารักก่อน

ย้ำว่าเริ่มต้นจากสิ่งที่เรารัก และ ชอบทำมันจริงๆ และสิ่งนั้นยังให้คุณค่ากับคนอื่นด้วย เมื่อเราเริ่มให้คุณค่ากับคนอื่น คนก็จะติดตามเรา เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เขาไม่มี

อุปสรรคที่ทำให้ไม่กล้าออกกล้อง

1. เพราะคิดว่าคนอื่นเก่งกว่า ดีกว่า

เลิกเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นครับ เพราะเปรียบเทียบไป ไม่มีวันจบ คิดแบบนี้ดีกว่า ตัวเราตอนนี้ สามารถไปช่วยเหลือใครได้บ้าง ด้วยทักษะของเราตอนนี้ เหมาะกับคนกลุ่มไหน

การออกมาหน้ากล้อง ไม่ใช่แค่ออกมาพูดเรื่องตัวเอง แต่เป็นการมาแชร์ประสบการณ์จากสิ่งที่เราทำอยู่ และประสบการณ์นี้สามารถ ช่วยเหลือ หรือ เปลี่ยนชีวิตคนอื่นได้

ต้องเข้าใจก่อนว่า เราทุกคน สนใจแต่เรื่องของตัวเอง การที่เขาเสียเวลามาฟังเรา คุณค่าสิ่งใดที่เขาจะได้รับกลับไปประยุกต์ใช้ แล้วทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ถ้าเราทำได้ เขาก็จะติดหนึบ ไม่ว่าเราจะพูดอะไร จะขายอะไร เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุน

2. มองคนที่เก่งกว่า เป็นไอดอล และเป็นพันธมิตร

มองคนที่เก่งและมีคุณธรรมสูงกว่าด้วยความชื่นชม ไม่ใช่ศัตรู ชื่นชมและยินดี กับความสำเร็จของคนอื่น ถ้าเรามองเขาเป็นศัตรู เราก็จะกลัวเขาเข้ามาตำหนิ ง่ายๆก็เข้าไปรู้จัก เป็นพันธมิตรกันจะดีกว่า เพราะในอนาคต โอกาสก็อาจจะมาจากคนกลุ่มนี้นี่เอง

3. กลัวคนอื่นมาเหยียดหยาม

อย่าให้ค่ากับคนไม่มีราคา อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา เป็นเรื่องปกติครับ มีคนชอบ ก็ต้องมีคนชัง วิธีแก้ไขคือ วางเฉยครับ มันเป็นเรื่องปกติ คนที่ติด้วยเหตุผล เพื่อให้เราไปปรับปรุงแบบนี้ควรรับฟัง แต่คนที่ติ ตัดสินเราแบบร้ายๆ ผมก็เข้าไปดูโปรไฟล์คนพวกนี้บ่อยๆ ชีวิตเขาเลวร้ายครับ สภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ สังคมที่เขาอยู่ มันหล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนั้นครับ เราควรจะสงสารเขามากกว่าที่จะไปโกรธ ไม่ควรจะไปพยายามแก้ไขสันดานเขาด้วยครับ มันแก้ไม่ได้ เขาต้องรู้ด้วยตัวเอง

4. เห็นคุณค่าในตัวเอง

เราต้องเมตตาตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก อย่าคิดถึงตัวเองในแง่ลบ อย่าบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ บอกตัวเองเสมอๆว่าเราทำได้ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ เป้าหมายเราชัด เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน เราพัฒนาตัวเองทุกวัน สักวันเราต้องสำเร็จ ปลุกปลอบกำลังใจตัวเองแบบนี้ครับ

5. เปลี่ยนสภาพแวดล้อม

คนรอบข้างบางทีก็เป็นเจ้ากรรมนายเวร จะทำอะไรก็จะโดนบอกว่า แกทำไม่ได้ เพื่อนฝูงกระแนะกระแหน เวลาเห็นใครที่ทำอะไร ต่างไปจากที่เขาเคยชิน เหมือนที่เขาบอก อย่าคุยเรื่องบินสูงในฝูงไก่

 แต่เราก็ไปโทษเขาไม่ได้หรอกครับ เราไปดึงดูดเขาเข้ามาเอง ทางแก้ไขคือ เราปรับภพภูมิของตัวเองให้สูงขึ้น พอหมดกรรมก็ต่างคนต่างไปครับ พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ที่ดีๆครับ ที่ๆทุกคนคอยสนับสนุนเกื้อกูลกัน มันมีครับ บางคนบอกโลกมันโหดร้าย เคยชินกับการไปที่อโคจร จะให้ไปเข้าวัดฟังธรรม มันไม่ใช่ อันนี้ก็ใช้กรรมไปครับ จนกว่าจะเริ่มรู้สึกว่าที่ๆเราอยู่ มันไม่เกื้อหนุนให้ชีวิตเราดีขึ้น

เริ่มต้นทำอย่างไรดี

1. เลือกเฉพาะเจาะจงไปเลยว่าจะโฟกัสไปที่เรื่องไหน ไม่สะเปะสะปะ คนจะจดจำเราได้ ว่าเราโดดเด่นในเรื่องนั้นๆ เจ้าของสินค้าจะตัดสินใจได้ง่ายว่าจะจ้างเรามั๊ย

2. ช่วยเหลือตอบคำถามในกลุ่ม Facebook group คนจะเริ่มเข้ามาติดตามเรา เพราะเราให้คุณค่ากับเขาเหล่านั้น

3. เมื่อมีคนมาติดตามเป็นเพื่อนเราใน Facebook ส่วนตัวและ เราก็ทำกลุ่มเตรียมเอาไว้ด้วย ก็เริ่ม Live ให้ความรู้ได้เลย

4. แรกๆทุกคนก็พูดไม่เก่ง จึงต้องเตรียมสคริปส์ พอชำนาญที่นี้ก็พูดน้ำไหลไฟดับ

5. เมื่อเราให้คุณค่าไป คนรับรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เราให้เขาเอาไปเปลี่ยนชีวิตได้ คนเขาก็จะมาขอเราเองว่ามีสินค้าอะไรขายไหม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น